ทองคำ, ตลาดกระทิง หรือ หมี?
ทิศทางพื้นฐานของทองคำยังคงเป็นบวกนับตั้งแต่วิกฤตทั้งหลายที่ขับเคลื่อน ทองคำคงชี้ราคาทองคำสูงขึ้นต่อไปในปีต่อๆไปข้างหน้า .. ,มันไปไกลเกินขอบเขตการ update เล็กๆนี้จะอธิบายในรายละเอียด แต่ ปัจจัยหลักคือ
* US ดอลล่าร์
* ดีมานด์/ซัพพลาย
* น้ำมัน
US ดอลล่าร์
การ รักษาดอลล่าร์ที่ระดับนี้ ต้องใช้เงินต่างประเทศเข้ามาถึง 3 พันล้านดอลล่าร์ต่อวันทำงาน ณ จุดหนึ่ง โลกจะบอกว่า พอก็พอ ดอลล่าร์ที่ตกต่ำลงจะเปลี่ยนไปสู่การขึ้นของราคาทองคำ..
พาดหัวอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่เสริมความเชื่อมั่นในดอลล่าร์เลย
ช่องว่างการค้าสหรัฐขยายกว้างทำสถิติ 68 พันล้านดอลล่าร์ในเดือนกรกฎาคม
วอชิงตัน (MarketWatch) -- การค้าสหรัฐขาดดุลขยายวงกว้างถึง 5% ในเดือนกรกฎาคม ทำสถิติ 68 พันล้านดอลล่าร์ ตามรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แซงหน้าสถิติเดือนตุลาคมที่ทำไว้ 66.6 พันล้านดอลล่าร์
เอาล่ะ, การขาดดุลที่มีอยู่ตลอดมาจะจบมั๊ย? ล้มละลายมั๊ย?
กรุณาอย่าคิดว่าไอเดียนี้ประหลาดนะครับ ตามความเห็น ศาสตราจารย์ Laurence Kotlikoff (นักเศรษฐศาสตร์สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโสของประธานาธิบดี สมัยเรแกน) สหรัฐกำลังมุ่งไปสู่การล้มละลายอย่างแน่นอน อ้างมาจาก the Daily Telegraph เมื่อเร็วๆนี้
งบประมาณขาดดุลที่ใหญ่เหมือนลูกโป่งและเงินบำนาญและระเบิดเวลาสวัสดิการจะ ส่งเศรษฐกิจของอภิมหาอำนาจไปสู่การล้มละลาย ตามการวิจัยโดยศาสตราจารย์ Laurence Kotlikoff สำหรับเฟดแห่ง เซนต์หลุยส์ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของเฟด
ศาสตราจารย์ Kotlikoff กล่าวว่า การวัดค่าบางอย่างบอกว่า สหรัฐได้ล้มละลายแล้ว "แปลความตามดิกชันนารี่ภาษาอังกฤษฉบับอ๊อกฟอร์ดคือ สหรัฐอเมริกาได้หมดสิ้นทรัพย์สิน หมดเกลี้ยง ล่อนจ้อน แร้งแค้น ขาดคุณสมบัติหรือสูญเสียจากผลของความล้มเหลวในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้" ตามการวิเคราะห์ของเขา
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาล้มละลายไปแล้ว ตราบเท่าที่ยังไม่สามารถชำระหนี้แก่เจ้าหนี้
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์สร้างจรวดถึงจะเข้าใจ เงินทุนสำรองของโลกซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยประเทศที่กำลังจะล้มละลายจะไม่ สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ดังนั้น การออกไปของผู้คนจำนวนมากจากดอลล่าร์ สามารถคาดได้ในปีต่อๆไปที่กำลังมาและและในความจริงมันกำลังมาแล้ว ดังนั้น ถ้าออกจากดอลล่าร์แลัวจะไปไหน? เมื่อเงินกระดาษหมดความน่าเชื่อถือ มีเพียงทองคำที่เป็นทางเลือก
นั่นคือสาเหตุว่าทำไม คุณถึงได้ยินการคุยกันเกี่ยวกับรัสเซีย จีน อาเจนติน่า เกาหลี และอื่นๆ กำลังเพิ่ม (หรือมีแผนที่จะเพิ่ม) การสำรองทองคำ ... ใช่เลย, ทองคำคือเงินตราและกำลังคลานกลับมาสู่ระบบเงินตราอย่างช้าๆอีกครั้ง
George Kapasakis นักค้าเงินอาวุโสขาก Mizuho Corporate Bank ในซิดนีย์กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า
"ธนาคารกลางทั้งหลายจะใช้ทองคำเป็นสกุลเงินที่ 4 แทน US ดอลล่าร์, ยูโร และ เยน" เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ทองจะเพิ่มความแข็งแกร่ง
ยากที่จะเถียง เมื่อคุณเห็นพาดหัวซ้ำๆ อย่างนี้
จีนควรจะซื้อทองคำ, ที่ปรึกษาธนาคารกลางกล่าว
จีนควรจะใช้ทุนสำรองต่างประเทศของตนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซื้อทองคำและน้ำมันเป็นเครื่องป้องกันการตกต่ำอย่างกระทันหันของ US ดอลล่าร์
การหนีออกจากดอลล่าร์จะส่งผลให้ดอลล่าร์ตก มันง่ายๆอย่างนั้นแหละ! การตกของดอลล่าร์เป็นมิตรกับทองคำ (และโลหะอื่น) เพียงแค่พื้นฐานเรื่องดอลล่าร์ตกต่ำ มันยังไม่เหมือนอย่างที่บอกทั้งหมด ทองคำก็ถูกมองว่าถึงจุดสูงสุดซะเรียบร้อยแล้ว
ดีมานด์/ซัพพลาย
ความ ต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในแต่ละปี อินเดีย ประเทศที่ใช้ทองคำมากที่สุดในโลกถูกคาดหมายว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น จากระดับ 800 ตันเป็น 981 ตันในปี 2010 และ 1153 ตันในปี 2015 ตามข้อมูลของ Associated Chambers of Commerce and Industry หรือ สมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งอินเดีย แล้วซัพพลายจะมาจากไหนในปีที่กำลังจะมาถึง ใครจะจัดการกับดีมานด์/ซัพพลายที่ขาดไปมากเกิน 1500 ตันต่อปี?
ไม่ใช่ผู้ผลิตทองคำแน่ ตั้งแต่ผลผลิตจากเหมืองคงที่และลดลงในอีกหลายปีต่อไป พาดหัวอย่างนี้ จะบอกตัวมันเอง
ผลผลิตทองคำจาก SA gold ตกลง 7.2% ปี/ปี
12/9/2006 12.34
โยฮันเนสเบิร์ก - South African gold มีผลผลิตลดลง 7.2% ในเชิงปริมาณในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ผลผลิตจากเหมืองโดยรวมลดลง 0.8% เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
ผลผลิตทองคำจากออสเตรเลียประจำปีลดลง 5%
วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 13.12 AEST
ผลผลิตประจำปีจากออสเตรเลียลดลง 5% ผลผลิตทองคำที่ลดลงทั่วโลกใน 4 ปีต่อไปจะทำให้เกิดการแย่งชิงทองคำ
ประธาน Newmont นาย Pierre Lassonde กล่าวว่า
ผลผลิตที่ลดลงจะดำเนินไปอย่างน้อยที่สุดอีก 2ปีเพราะอุตสาหกรรมไม่ได้เติมเงินลงไปในดินเมื่อราคาทองคำมันยังถูกมาก
น้ำมัน
นักวิเคราะห์หลายคนประกาศว่า ตลาดกระทิงน้ำมันจบแล้วในสัปดาห์นี้ เออ, ไม่แปลกเหรอ สิ่งที่เราต้องทำคือหลีกเลี่ยงราคาน้ำมันที่สูงเพื่อให้ได้สิ่งที่แตก ย่อยออกมาจากตลาด วาดภาพตลาดหมี และปัญหาได้รับการแก้ไขอีกครั้ง มันไปไกลเกินกว่าที่จะมาอธิบายว่าทำไมน้ำมันไม่ลงในปีต่อๆไปที่จะมาถึง แต่ผู้อ่านทั้งหลายสามารถไปดูเนื้อหาของทองคำและน้ำมันใน Gold Drivers Report ได้ แม้ว่าราคาน้ำมันจะคงที่ที่ระดับนี้ นับแต่นี้ไป (ซึ่งผมไม่เชื่อ) ราคาทองคำยังน่าจะอยู่แถวๆ 1000$ อยู่ดี ตามประว้ติค่าเฉลี่ยของน้ำมันและทองคำ..
สุดท้าย ถ้าคุณไม่เชื่อว่าทิศทางพื้นฐานของทองคำเป็นขาขึ้น คุณก็ไม่ต้องไปลงทุนอะไรเกี่ยวกับทองคำเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณถูกโน้มน้าวว่าขาขึ้นของทองคำจะมีต่อไปอีกหลายปี (อย่างที่ผมกำลังทำ) ก็แค่หาจุดที่จะเป็นโอกาสในการซื้อ เรามีโอกาส 6ครั้งสำคัญนับตั้งแต่ปี 2001 และผมมีความเชื่ออย่างมากว่า เรากำลังเข้าใกล้โอกาสนั้นอีกครั้ง
นักวิเคราะห์และนักค้าให้ภาพที่คละกันในทิศทางของเงินสดและราคาทองคำในอนาคตที่น่าจะเป็นไปได้
ภาวะ กระทิงอ้างถึงฤดูกาลที่แข็งแกร่ง ความเชื่อว่าความตึงเครียดในโลกยังคงดำเนินต่อไปเพราะปัจจัยอย่างนิวเคลียร์ ของอิหร่านและความเป็นไปได้ที่ดอลล่าร์ยังจะอ่อนลงอย่างต่อเนื่องต่อไป
ภาวะ หมีตั้งข้อสงสัยในราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ของโภคภัณฑ์เริ่มเสื่อมถอยลง และธนาคารกลางจะจำกัดเงินเฟ้อซึ่งพอที่จะทำให้นักลงทุนหยุดการใช้โลหะเป็น เครื่องป้องกันเงินเฟ้อ
ทองน่าจะไหลลงถ้าบรรดาโภคภัณฑ์ทั้งหมดอ่อนลงและความตึงเครียดในตะวันออก กลางไม่เลวร้ายลงไปกว่าเดิม Jim Steel รองประธานอาวุโสและนักวิเคราะห์โลหะของ HSBC กล่าว
"มันขึ้นอยู่กับ ดอลล่าร์" เขากล่าว "ถ้าตลาดเห็นการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยและดอลล่าร์อ่อน นั่นจะเพิ่งความกระฉับกระเฉงให้กับตลาดทองคำ แต่ถ้าไม่เกิดขึ้น อย่างน้อยแนวต้านจะต่ำลงมา"
Gijsbert Groenewegen หุ้นส่วนจัดการ Gold Arrow Capital Management มองราคาทองคำขึ้นไปสูงถึง 850$ - 900$ ในเดือนต่อๆไปข้างหน้าเพราะปัจจัยฤดูกาลและความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะ ดำเนินต่อไป
"ผมว่า เราน่าจะเห็นการขึ้นอย่างสวยงามในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม" เขากล่าว "ตามฤดูกาลมันเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่ง" ความต้องการโลหะปกติจะเริ่มดีขึ้นอีกครั้งก่อนคริสต์มาสและวันหยุดอื่นๆทั่ว โลก เขากล่าว
โดยมากโฟกัสของทองคำจะขึ้นกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตร มาสที่ 3 ด้วย และขึ้นกับความกลัวเงินเฟ้อจะลดลงหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น การขึ้นดอกเบี้ยของ US อาจจะจบสิ้น ซึ่งจะกัดกร่อนดอลล่าร์ และจะเพิ่มราคาโลหะมีค่า Mr. Groenewegen กล่าว
โลหะเงินก็ให้การ สนับสนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะถ้า Barclays' iShares Silver Trust ประสบผลสำเร็จในการผลักดัน exchange-traded fund ที่เริ่มไปเมื่อต้นปี เขากล่าวเสริม
"และนั่นจะมีส่วนในการส่งเสริมราคาด้วยเพราะของในคลัง ลดลงและเหลือไม่มากแล้ว" Mr. Groenewegen กล่าว เงินน่าจะขึ้นไปราว 15$-25$ ต่อออนซ์ ขึ้นกับความต้องการจริงในตลาด
Dan Vaught นักวิเคราะห์จาก A.G. Edwards กล่าวว่าเขาไม่ได้มองในแง่ดีนักเกี่ยวกับภาพของราคาทองคำในช่วงปลายฤดูร้อน และการร่วงลงก่อนหน้านี้จากหลายปัจจัย
นี่จะลดภาพเงินเฟ้อที่เห็น ซึ่ง Mr. Vaught กล่าวว่า น่าจะสร้างความเสียหายกับราคาจากหลายตลาดที่เข้ามามีส่วนซื้อทองคำเพื่อ ป้องกันเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์แนะว่า ราคาทองคำที่สูงตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิน่าจะมาจากความต้องการในภาคเครื่องประดับ โดยเฉพาะจากผู้บริโภคแต่ดั้งเดิมอย่างอินเดียและตะวันออกกลาง
Mr.Vaught กล่าวว่า เขาไม่ประหลาดใจถ้าทองคำจะกลับมาถึงระดับแถวๆ 550$ แต่มันอาจตกไปไกลได้ถึง 475$ แต่ยังคงอยู่ในรอบขาขึ้น 5 ปี
เขา กล่าวว่า ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนราคาให้สูงขึ้นแทนที่ความตึงเครียดในปัญหานิวเคลียร์ อิหร่านและการก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น โลหะควรจะขึ้นจากการซื้อในช่วงเทศกาลวันหยุด
"ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นความแข็งแกร่งตามฤดูกาลบางส่วนจากการเข้าสู่ไตรมาสที่ 4" เขากล่าว
ขณะ ที่ Peter Grandich นักเขียนจาก the Grandich Letter บรรยายลักษณะของดอลล่าร์เหมือน "ผู้ป่วยระยะสุดท้าย" การอ่อนของดอลล่าร์จะโน้มน้าวกระตุ้นให้ซื้อทองคำ
"ประการแรกและ สำคัญที่สุด ธนาคารกลางยังคงผลักดันความเข้มงวดทางการเงินอย่างต่อเนื่องและลดสภาพคล่อง ลง" เขากล่าว "แม้ว่าเฟดจะหยุดในเวลานี้ เรายังคงเห็นธนาคารกลางอื่นๆยังคงเข้มงวด รวมถึงจีนที่ขึ้นดอกเบี้ยไป"
ตอนปี 2540 เกิดวิกฤตฟองสบู่เศรษฐกิจเมืองไทยแตกพอดี วันๆไม่ได้ขาย รับซื้อแต่ทองเก่าเข้า สมัยนั้นสมาคมฯ ทำราคาต่ำกว่าเมืองนอกร่วม 200-300 บาท แต่ทุกคนก็ Happy ที่จะขาย แม้จะมีบ่นบ้างว่า น่าจะได้มากกว่านั้น วันนี้ เกือบ 10 ปีแล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไป ผู้คนมีความสนใจข้อมูลข่าวสารมากขึ้น โดยเฉพาะข่าวสารที่รวดเร็วจาก internet ราคาทองคำเมืองนอก รับรู้ถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเปิดกว้าง แต่ก็ไม่มีความชัดเจนจากสมาคมค้าทองคำว่าคิดราคาประกาศเป็นราคาทองคำเมือง ไทยอย่างไร ทำไมถึงไม่เท่ากับที่คำนวณได้ มีสูตรยังไงกันแน่ สมาคมฯเองคงลังเลที่จะตอบคำถาม ทั้งที่จริงๆ มันเป็นสิ่งที่อธิบายได้
ราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำ มีไว้เพื่อให้ร้านทองทั่วประเทศใช้อ้างอิงซื้อขายทองคำในราคาเดียวกัน เรียกว่า เป็น Fix Price ของราคาทองคำเมืองไทย ประมาณนั้นแหละครับ
สิ่งที่รู้กันทั่วไปคือสูตรคร่าวๆว่า
ราคาทองไทย = (( Spot Gold + Premium ) x 32.148 x THB x .965 )/65.6
หรือง่ายๆก็
ราคาทองไทย = ( Spot Gold + Premium ) x THB x 0.473
ปัญหา ไม่ใช่สูตร แต่เป็นว่าทำไมคิดทีไร ไม่เท่าสมาคมฯอยู่เรื่อยใช่ไหมครับ ผมย้อนถามกลับว่า ราคาทองเมืองนอกที่เห็นน่ะ ฝรั่งเค้าได้มากันยังไง ผมขายทองมานาน แรกๆผมก็ยังตอบไม่ได้ มี Bid มี Ask ด้วย แล้วราคาในกราฟมันคืออะไร มาจากตลาดไหน
ราคาที่เห็นมันเป็นราคาที่ปรากฏว่ามีการซื้อขายกันจริงในตลาดค้าทองคำหลักๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็น London ฮ่องกง อะไรแถวๆนี้ (NYMEX เป็นตลาด Future ผมเองยังไม่แน่ใจเลยว่าเกี่ยวไหม) แต่สรุปก็คือ เป็นราคาที่มีผู้ต้องการซื้อ และมีผู้ต้องการขายที่ราคานั้น และตกลงซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อย ก็โผล่ราคาให้เห็นในกราฟว่า
"เฮ้! พวก ตอนนี้พวกไอซื้อขายกันราคานี้นะ พวกยูล่ะ ว่าไง" แหะๆ "ไอเหรอ ขอคิดดูก่อน"
อ่า.. แล้วสมาคมค้าทองคำอยู่ในสถานะไหนในตลาดล่ะครับ คำตอบคือ เหมือนเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายรายเล็กๆรายนึงในตลาดโลกเท่านั้นเอง สมาคมค้าทองคำตั้งขึ้นจากกลุ่มผู้ค้าทองคำนะครับ ไม่ใช่เป็นตลาด Exchange trade แบบเมืองนอก เวลาจะซื้อขายทองคำจากตลาดโลก ก็คงไม่มีใครพรวดพราดซื้อขายราคาไหนก็ได้ ต้องตั้งราคาไว้ในใจใช่ไหมครับ ว่าต้องการซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ต้องการขายที่ราคาเท่าไหร่
มองย้อนเข้า มาถึงตลาดผู้บริโภคบ้านเรา คือปลายทางและต้นทางของสินค้าใช่ไหม เป็นเหมือนหน้าร้านของสมาคมฯนั่นแหละ สมาคมฯ จะตั้งราคาวันนี้เท่าไหร่ดี ถึงจะมีคนซื้อ มีคนขาย และถ้ามีคนมาขายมากๆ ต้องเอาไปปล่อยในตลาดโลก ต้องตั้งราคาเท่าไหร่ จึงจะมีกำไร หรือ ถ้าขายดี ต้องนำเข้าทองคำ ซึ่งแน่นอน กรณีนี้ ค่า Premium ย่อมเพิ่มขึ้น (กรณีของหมุนเวียนแต่ในตลาดเมืองไทย Premium ก็ต่ำถึงไม่มี การมีและไม่มี Premium แค่นี้ ราคาก็ขยับต่างกันได้เป็นร้อยบาทแล้วนะครับ)
ทำไมไม่ตั้งราคาตามตลาดโลก.. เป็น คำถามที่เจอบ่อย แต่ถ้าเข้าใจเหตุผลที่กล่าวไว้ข้างบน ก็จะรู้ว่าทำไม่ได้เต็มร้อยหรอกครับ และสมาคมก็ประกาศราคามั่วๆก็ไม่ได้ด้วย เพราะถ้ามันเบี่ยงเบนมากเกินไป เค้าก็จะเสียโอกาสในการซื้อขายเช่นกัน ตัวแปรที่เบี่ยงเบนราคาสมาคมฯ มาจาก ดีมานด์-ซัพพลาย ในตลาดบ้านเรานี่แหละ แค่คำนี้ สมาคมฯ ต้องคิดแล้วคิดอีก บางวันประกาศไม่ดี ราคาเมืองนอกไม่เห็นจะเปลี่ยนเลย แต่สมาคมขอเปลี่ยนราคาซะอย่างนั้น
ถามว่า ทำได้ไหม? ทำได้สิครับ สมมุติ ถ้าคุณเป็นเจ้าของเงินบาทไทย (มองทองคำเป็นเงิน ไม่เห็นจะผิด เน๊อะ!) มีคนเอา US ที่กำลังจะอ่อนยวบมาขอแลก แรกๆ คุณมีเงินบาทไทยเยอะๆ คุณก็ให้แลกดีหรอก แต่พอมีคนมาแลกเยอะๆ คุณจะยอมปล่อยเงินบาทออกไปในอัตราเท่าเก่าจนหมดไหมล่ะ เมืองนอกยังไม่มีการ trade ซื้อขายเงิน มัน fix อัตราแลกเปลี่ยนไว้อยู่ตรงนั้น คุณจะเชื่อฝรั่งที่นอนหลับหรือจะเชื่อตัวคุณเอง ขึ้นอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความต้องการลงพร้อมกับกำไรต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น หรือจะปล่อยให้เขาแลกไปจนหมด?
สมาคมกั๊กราคาหรือไม่.. ก็สมาคมฯ เป็นตัวแทนพ่อค้า ไม่ใช่ตลาด Exchange trade แบบเมืองนอก อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ จะซื้อจะขายก็จะกำหนดราคาที่ต้องการจะซื้อต้องการจะขาย เพื่อให้มีกำไร ไม่ใช่ต้องตามตลาดเมืองนอกเสมอไป ถามต่อว่า แบบนี้ ถ้าหาหน่วยงานมากำหนดราคาแทนสมาคมฯ เพื่อความเป็นธรรม ไม่ดีกว่าเหรอ คำตอบคือ ไม่ดีกว่าครับ ทองคำ ไม่ใช่ของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น ถ้ามีหน่วยงานตั้งราคาแล้วฝ่ายผู้ค้าไม่เห็นด้วย เค้าก็ไม่ขายสิครับ เอาไป trade เมืองนอกดีกว่า ถามต่ออีกว่า แล้วผู้บริโภคจะทำไง หากสมาคมฯตั้งราคาไม่เป็นธรรม ก็ง่ายๆครับ อย่าไปซื้ออย่าไปขาย แค่นี้สมาคมฯก็โดนจวกแล้ว และร้านทองทั่วประเทศคงไม่มีใครอิงราคาสมาคมฯอีก จริงๆอยากจะบอกว่า เค้ากั๊กก็ได้เพียงนิดหน่อย แต่เบี่ยงเบนทิศทางตลาดจริงๆ ไม่ได้หรอกครับ
"รวบแก๊งช่างทองหลอกขายทองปลอม ...เป็นหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในเนื้อข่าวระบุว่าแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้จริง ๆ แล้วก็เป็นช่างทองฝีมือดี แต่มาระยะหลังเกิดตกงานและตัดสินใจผิดคิดทำไม่ดีด้วยการปลอมทองด้วยฝีมือที่มีอยู่ออกหลอกจำนำหรือ ขายตามร้านทองต่าง ๆ
กรณีที่เป็นข่าวนี้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการตามกฎหมาย
แต่ทั้งนี้...กรณีช่างทองตกงานยุคนี้เกลื่อน
จิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เผยว่า... ราคาทองคำที่สูงเกินกว่า 10,000 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาทขึ้นไปแล้วในขณะนี้ถือว่าเป็นราคาที่แพงถึงแพงมากในยามเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งราคาทองก็แพง กำลังซื้อก็ลดลง โดยภาพรวมคนอยากจะซื้อทองแต่ไม่มีเงินจะซื้อหรือไม่ตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้ยอดขายทองคำของร้านขายทองคำกว่า 6,000 ร้านทั่วประเทศ...ลดลงไปกว่า 60%
ส่งผลให้ช่างทองในระบบกว่า 300,000 คน...มีปัญหา !!
เป็น เรื่องปกติที่ช่างทองจะเกิดปัญหาว่างงาน ตกงาน เพราะในเมื่อยอดจำหน่ายลดลงเป็นประวัติการณ์ขนาดนี้ ทางร้านก็ไม่รู้ว่าจะ ส่งงานทำทองให้เท่าเดิมได้อย่างไร ซึ่งในเมื่อทองขายไม่ค่อยได้ ร้านทองเองไม่ว่าจะเป็นร้านทองขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ต่างก็พบกับปัญหาเช่นเดียวกัน
นายกสมาคมผู้ค้าทองคำบอกต่อไปว่า ... โดยปกติแล้วร้านขายทองคำแต่ละร้านจะไม่มีช่างทองประจำร้าน ช่างทองส่วนใหญ่จะทำงานแบบอิสระกันทั้งสิ้น กระจายตัวกันทั่วไปไม่เป็นหลักแหล่งแน่นอน เพราะถ้าเป็นช่างทองที่ประจำร้านเงินเดือนจะไม่มาก แต่ถ้าทำทองคิดเป็นราย ชิ้นรวมทั้งเดือนจะได้ราคาที่สูงกว่ามาก และสามารถรับงานได้อิสระจากทุกร้าน โดยช่างแต่ละคนก็จะมีความถนัดกันไปในแต่ละแบบ และยังทำงานกันเป็นเครือข่ายด้วย หมายความว่ามีช่างที่ติดต่อกับร้าน และส่งงานกันเป็นทอด ๆ ไป
สำหรับสนนราคาค่าจ้างก็ขึ้นอยู่กับรูป แบบของลวดลาย น้ำหนัก ความยากง่ายของงาน ถ้าช่วงไหนทองคำขายดี มีงานเยอะ มีงานมาก ช่างทองก็สามารถมีรายได้มาก
อาทิ... สร้อยข้อมือ น้ำหนัก 1 บาท งานไม่ยาก ค่าจ้างก็มาก กว่า 100 บาทต่อเส้น ถ้าเป็นงานยาก งานประณีต ค่าจ้างประมาณ 200-300 บาทขึ้นไป เช่นเดียวกับ สร้อยคอ ก็ประมาณนี้ ส่วนถ้าเป็น แหวน วงเล็ก ๆ งานไม่ยาก ค่าจ้างก็จะไม่แพงมาก ไม่ถึง 100 บาทต่อชิ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วงานประเภทนี้จะเป็นแบบรับเหมากันไป
คือทำคราวละมาก ๆ ค่าจ้างก็มากไปตามปริมาณ
จิต ติบอกอีกว่า... ยอมรับเลยว่าตอนนี้ทั้งร้านทองและช่างทองมีปัญหามาก !! ร้านทองเองก็ไม่สามารถจำหน่ายทองหรือระบายทองออกไปได้สักเท่าไหร่ จะหนีไปส่งออกก็ทำไม่ได้เพราะไม่เคยทำ และลักษณะทองคำที่ทำขายทั่ว ๆ ไป กับทองคำที่ส่งออกนั้นก็แตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่ว่าฝีมือช่างทองไม่ดี แต่ลวดลาย เทคนิคการเชื่อมมีความแตกต่างกัน ในเมื่อไม่สามารถระบายสินค้าออกได้ ทองขายไม่ได้ ช่วงนี้ร้านทองจึงมีปัญหา
และก็ทำให้ช่างทองต้องตกงานไปด้วย !! ...นายกสมาคมผู้ค้าทองคำกล่าว
ช่าง หย่วย อดีตช่างทองที่ทำทองมานานกว่า 20 ปี และปัจจุบันขยับเป็นเจ้าของโรงงานทำทองรูปพรรณ เปิดเผยในเรื่องเดียวกันนี้ว่า... ตั้งแต่ทองมีราคาบาทละกว่า 10,000 บาทขึ้นนั้น ทำให้งานหายไปทันทีกว่า 60% จากโรงงานทำทองที่มีลูกน้องกว่า 100 คน ตอนนี้เหลือแค่เพียง 30-40 คนเท่านั้นเอง
ช่างทองใน กรุงเทพฯ ต้องกลับต่างจังหวัดกันไม่น้อย บ้างก็ไปทำนา หรือบางคนก็เปลี่ยนอาชีพไปเลย ช่างทองนั้นในระบบน่าจะมีประมาณ 300,000 คน แต่ตอนนี้เหลือถึง 30,000 คนหรือเปล่าก็ไม่รู้
กับระบบงานของช่าง ทอง ช่างหย่วยก็บอกเช่นกันว่า... ส่วนใหญ่ก็กระจัดกระจายไปทั่ว เป็นช่างอิสระ ไม่ได้อยู่กันเป็นหลักแหล่ง เวลาร้านทองมีงานเข้ามา ทางโรงงานจะเรียก ตามมาทำงานที่โรงงาน ซึ่งจะรับงานแบบเหมากันไป โดยร้านทองจะให้ทองคำแท่งมา แล้วก็สั่งว่าเอาแบบนี้ น้ำหนักเท่านี้ ปริมาณเท่านี้ เสร็จงานก็เลิกกันไป
ช่างทองไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ทำ ทองคำแท่งให้ออกมาเป็นทองรูปพรรณเท่านั้น ยังมีงานที่ต้องช่วยออกแบบด้วย ซึ่งเป็นงานที่ประณีต แต่เมื่อราคาทองคำแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้น ทำให้คนซื้อทองน้อยลงไปมาก ขนาดทองรูปพรรณที่แบบและลวดลายใหม่ ๆ ที่ช่างทองพยายามออกแบบออกมาใหม่ ๆ ที่คิดว่าสวย ทันสมัย และน่าจะขายได้ ยังขายไม่ได้เลย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
พวก ช่างทองก็ต้องตกงาน เป็นธรรมดา จะพึ่งพาและรอรายได้จากงานทำทองเพียงอย่างเดียวคงแย่ ทุกวันนี้ช่างทองที่รู้จักกันก็เลิกกันไปหมดแล้ว บางคนก็กลับบ้านต่างจังหวัดกันไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วช่างทองจะเป็นคนจากภาคอีสาน มีทุกจังหวัดเลย เมื่อมีงานทีก็ต้องไปตามตัวกันจากต่างจังหวัด...ช่างหย่วยกล่าว
ของหลายอย่างเมื่อราคาแพง...เจ้าของ-คนผลิตจะมีรายได้ดี
แต่กรณีแบบนี้ต้องยกเว้นสำหรับทองคำรูปพรรณ
ยุคทองแพงช่างทองก็หมดชั่วโมงทองทำเงิน
และบางคนก็คิดผิด-ทำผิด...เป็น นักตุ๋น
ทองคำไม่มีดอกเบี้ย มันเป็นแค่ก้อนโลหะสีเหลือง ถ้าธนาคารจ่ายดอกเบี้ยให้คุณ 7% สำหรับเงินสดของคุณ คุณควรจะเลือกที่จะมีเงินสดอยู่ในธนาคารมากกว่า มันเป็นความรู้สึกที่ถูกต้องในกรณีนี้ ใน 10 ปี คุณจะมีเงินเพิ่มเป็น 2 เท่า แต่ถือทองคำคุณยังคงมีแค่ทองก้อนเท่าเก่า
ลองพิจารณากรณีนี้กัน ลองจินตนาการว่าธนาคารจ่ายดอกเบี้ยให้คุณ 0% แล้วที่นี้อะไรจะดึงดูดความสนใจมากกว่ากันระหว่างกระดาษดอลล่าร์หรือทองคำ ในกรณีนี้ ตามเหตุผลของนักลงทุน ควรจะเลือกทองคำ
ซื้อทองคำ: ซัพพลายจำกัด
ทองคำ มันงดงาม หายาก และเปลี่ยนเป็นเงินสดง่าย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ส่วนไหนของโลกใบนี้ แต่สำหรับกระดาษดอลล่าร์ มันก็เป็นแค่กระดาษ รัฐบาลสามารถพิมพ์มากตามที่อยากจะพิมพ์
รัฐบาล สามารถพิมพ์ธนบัตรเพื่อชำระหนี้ของตนเองได้ แต่เขาไม่สามารถสร้างทองคำได้ ซัพพลายของเงินกระดาษไม่มีจุดสิ้นสุด แต่ซัพพลายของทองคำมีขีดจำกัดอย่างมาก (พวกเขาบอกว่า ผลผลิตทองคำในประวัติศาสตร์โลกน่าจะพอดีกับสนามบาสเกตบอลเมอร์ดิสัน สแควร์ การ์เด้นท์) และมันยากที่จะสกัดออกมา บิลเกตต์ สามารถซื้อทองคำทั้งหมดจากเหมืองในโลกใน 1 ปีจากสมุดเช็คของเขา
ตาม กฏ การหมุนเวียนของเงินจะไปตามทางที่ดีที่สุดของมัน ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง ทองคำจะไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับเงินสด ถ้าดอกเบี้ยถูก เงินสดจะหมุนไปหาทองคำ และเมื่อดอกเบี้ยเป็น 0% ก็ต้องเป็นทองโดยไม่ต้องใช้สมองคิดให้เสียเวลา
ซื้อทองคำ: อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง
"แต่ เดี๋ยวก่อน!" คุณพูดว่า "ดอกเบี้ยทะยานขึ้นในทศวรรษ 70.. ทองคำทำยังไงถึงได้วิ่งจาก 100$ ไป 800$ ในเวลานั้นได้?" ใช่! ดอกเบี้ยทะยานขึ้นไปในทศวรรษ 70 แต่ลองดูที่ "เรื่องจริง" ที่คุณได้เงินของคุณมา มาพิจารณาผลกระทบจากเงินเฟ้อกัน...
อัตรา ดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารหรือในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่ได้ให้ภาพรวมทั้งหมด แก่คุณ นี่คือเหตุผลว่าทำไม: ถ้าราคาของรายการที่คุณซื้อตามมูลฐานปกติ เช่น อาหาร แก๊ส และ ที่พักอาศัย เพิ่มขึ้นไป 5% และเวลาเดียวกัน ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยให้คุณ 5% สำหรับเงินฝากของคุณ ธนาคารไม่ได้ชดเชยมูลค่าทรัพย์สินที่คุณถือในรูปเงินสดแทนที่จะเป็นทองคำ
ใน กรณีนี้ นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของคุณ ลบด้วย อัตราดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อตามความเป็นจริงอยู่ที่ 0% ย้อนไปในปี 1979 ดอกเบี้ยระยะสั้นได้อยู่ที่ 8% แต่เงินเฟ้อไปอยู่ที่ 13% ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบอยู่ 5%
มีอะไรที่สร้างความสงสัยให้ผู้คนรีบเร่งไปหาทองคำและทิ้งเงินกระดาษไหม?
ใน ปี 1981, ประธานเฟดขณะนั้น นาย Paul Volker ได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไปถึง 15% และเงินเฟ้ออยู่ที่ 6% ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่เกือบ 10%
ในปี 1982 ทองคำลดลงต่ำกว่า 400$
ซื้อทองคำ: ทำไมคุณควรจะเปลี่ยนเงินของคุณจากเงินสด
วันนี้, เราเห็นอัตราดอกเบี้ยประกาศอยู่ที่ประมาณ 5% ในเวลาเดียวกัน เงินเฟ้อก็อยู่ที่ราวๆ 5%... และประธานเฟดนายเบอนันเกได้กล่าวว่า เขาเกือบจะเสร็จสิ้นการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว... อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเกือบจะติดลบ... และทางเลือกที่ฉลาดคือเปลี่ยนจากเงินสดไปเป็นทองคำ
คุณควรจะถือทองคำ บ้าง, แม้ว่าความเสี่ยงในการลงทุนของคุณจะต่ำ เพราะทองคำและหุ้นโดยมากมักจะเคลื่อนสวนทางกัน ถ้าคุณยังไม่ได้ทำตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะทำ
รวบ 5 เซียนช่างทองกำแพงเพชร ตกงานเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์ผลิตทองปลอมตระเวนจำนำขายฝากร้านทองทั่วประเทศ ร้านทองรับจำนำเพียบใช้น้ำยาตรวจสอบยังไม่รู้ต้องเผา
วันนี้ (11 ส.ค.) นายสุปรีชา ปั้นประสงค์ อายุ 22 ปี เจ้าของร้านทองปัญญา เลขที่ 171/85 หมู่ 2 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้แจ้งไปยัง พ.ต.ท.บำรุง รักษ์บำรุงสกุล สารวัตรเวร สภ.อ.สัตหีบ ว่า ได้มีแก๊งทองปลอม 6 คน นำทองปลอมเข้าไปจำนำในร้านแล้วออกมาได้ติดตามพบแล้วขอกำลังตำรวจจับกุมบุคคล ที่อยู่ในรถเก๋ง โตโยต้า สีแดงเลือดหมู รุ่นโคโรน่า หมายเลขทะเบียน สค-8763 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาสัตหีบ ถนนบ้านนา หมู่ที่ 2 ต.สัตหีบ ซึ่งสามารถควบคุมตัวได้เพียง 5 คน เป็นชาย 2 คนหญิง 3 คน ส่วนหญิงอีก 1 คน ได้ไหวตัวว่าจ้างรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำควบคุมตัว น.ส.เมษา เจริญ อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 7 ต.ศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.หนองคาย น.ส.ละออ อิทธิริ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/526 หมู่ 1 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นางนงลักษณ์ ศิริบูรณานนท์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 488 หมู่ 18 ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร นายสมหมาย ทองเปี่ยม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 488 หมู่ที่ 18 ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร และนายบุญรุ่ง ทองเปี่ยม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 488 หมู่ 18 ต. ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมรถเก๋งคันดังกล่าวไปทำการตรวจค้นภายในรถ พบอุปกรณ์ทำทอง 18 รายการ มีกิโลชั่งทอง ปรอท ตะกั่วนิ่ม พร้อมเตาแก๊สปิกนิก 1 ถัง
จาก การสอบสวน น.ส.เมษา เจริญ ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้เป็นคนที่นำกำไรข้อมือทอง หนัก 1 บาท เข้าไปจำนำในร้านทองปัญญาจริง โดยอ้างว่าไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัวมา แล้วใช้ชื่อปลอมเป็น น.ส.อาพร สุกุทิพย์ เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็รีบพากันไปขับรถเก๋ง โดยมี นายสมหมาย ทองเปี่ยม เป็นคนขับพาไปที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสัตหีบ เพื่อนำเงินฝากธนาคาร และโอนไปให้ญาติที่บ้าน แต่เจ้าของร้านได้พาตำรวจมาติดตามจับกุมเสียก่อน ส่วนนางนงลักษณ์ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องนี้ เพราะถูกชักชวนมาเที่ยวด้วยเท่านั้น
สอบสวน นายสุปรีชา ปั้นประสงค์ เจ้าของร้านทอง ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ได้มี น.ส.เมษา เจริญ โดยใช้ชื่อปลอมว่า น.ส.อาพร สุกุทิพย์ นำกำไรข้อมือหนัก 1 บาทเข้าไปจำนำ ขายฝากไว้เป็นเงิน 10,000 บาท จากการมองด้วยตาเปล่าและใช้กล้องส่องไม่สามารถล่วงรู้ว่าเป็นทองปลอม จึงได้เข้าไปหลังร้านใช้ไฟเผาดูถึง 3 ครั้ง จึงรู้ว่าเป็นทองปลอมและออกติดตามรถเก๋งคันที่มาจอด จนพบว่าจอดอยู่ที่หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาสัตหีบ จึงได้ชี้ตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมตัวมาทำการตรวจสอบ พบว่า แก๊งนี้เป็นแก๊งช่างทองที่กำแพงเพชรออกมาตระเวนทำทองปลอมด้วยการชุบทองชนิด หนามาก
ส่วนทางด้าน นายปัญญา ปั้นประสงค์ เจ้าของร้านทองปัญญาสาขา 1 ตลาดสัตหีบ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2549 ได้มีมีแก๊งนี้เข้ามารูปแบบเดียวกัน อ้างว่า ไม่มีบัตรประชาชนนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท (หนัก 2 บาท 1 เส้น และ หนัก 1 บาท 1 เส้น) เข้ามาจำนำในราคา 30,000 บาท โดยใช้ชื่อว่า นายวรวัฒน์ อนุรักษ์ จนในที่สุดแก๊งนี้ได้นำกำไรทองมาจำนำที่ร้านทอง สาขา 2 อีก จึงได้ใช้ไฟเผาทองถึง 3 ครั้ง จึงรู้ว่าเป็นทองปลอม ซึ่งใช้น้ำยาตรวจสอบไม่สามารถล่วงรู้ได้อย่างแน่นอน และในวันนี้ได้มีเจ้าของร้านทองในพื้นที่สัตหีบมาดูตัวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละร้านบอกว่ามีลักษณะเดียวกันมาทำการจำนำไว้เหมือนกัน ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทางด้าน พ.ต.อ.สมไทย คำวัฒน์ ผกก.สภ.อ.สัตหีบ กล่าวว่า แก๊ง นี้เป็นแก๊งทำทองปลอมเคลื่อนที่ได้ตรวจสอบจากหลายท้องที่โดยเฉพาะเขตกรุงเทพ มหานคร ปรากฏว่าแก๊งทำทองปลอมแก๊งนี้เป็นแก๊งช่างทองระดับฝีมือที่ตกงาน จึงได้รวมตัวกันทำทองปลอมตระเวนขายและจำนำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คาดว่า ร้านทองและห้างทองจำนวนมากต้องรับจำนำไว้จำนวนมากแน่นอน ถ้าร้านทองใดที่เคยเจอรูปแบบนำทองเข้าไปจำนำแล้วบอกว่าไม่ได้นำบัตรประชาชน มายื่นเป็นหลักฐานให้ตรวจสอบทองว่าเป็นทองปลอม หรือไม่ แล้วมาแจ้งความดำเนินคดีได้ทุกวัน
สัญญา ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) และทำสถิติปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 27 ปี เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง และจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางอินเดียอาจซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มขึ้นอีก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,187.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,166.80-1,189.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.768 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.30 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 5.35 เซนต์ ปิดที่ 3.197 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,479.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 35.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 370.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมทองคำของสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล โครนิเคิลรายงานว่า ธนาคารกลางอินเดียจะซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟเพิ่มขึ้นอีก หลังจากเข้าซื้อไปแล้วในปริมาณ 200 ตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อหลังจาก รัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากธนาคารกลางอินเดียแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางศรีลังกายังวางแผนเข้าซื้อทองคำด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีธนาคารกลางแห่งอื่นๆเริ่มหันมากระจา ยความเสี่ยงด้วยการนำเม็ดเงินในทุนสำรองออกมาซื้อทองคำ
สัญญาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยดัชนี U.S. Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลเงิน ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืน นี้ (25 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,464.40 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,110.63 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 2,176.05 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุน สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.90-77.48 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืน นี้ (25 พ.ย.) และทำสถิติปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 27 ปี เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง และจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางอินเดียอาจซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มขึ้นอีก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,187.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,166.80-1,189.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ พร้อมกับยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงก ว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5138 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4960 ยูโร/ดอลลาร์และดิ่งลง 1.40% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 87.320 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.560 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 1.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9962 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0090 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6713 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6573 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากทางการอังกฤษรายงานว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 หดตัวน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดขายบ้านของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 40.85 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,364.81 จุด
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.90-77.48 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืน นี้ (25 พ.ย.) และทำสถิติปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 27 ปี เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง และจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางอินเดียอาจซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มขึ้นอีก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,187.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,166.80-1,189.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ พร้อมกับยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงก ว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5138 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4960 ยูโร/ดอลลาร์และดิ่งลง 1.40% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 87.320 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.560 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 1.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9962 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0090 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6713 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6573 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากทางการอังกฤษรายงานว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 หดตัวน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดขายบ้านของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 40.85 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,364.81 จุด